ข่าวกีฬา คริสเตียน อีริคเซ่น : เสือยิ้มยากผู้ไม่เคยสะทกสะท้านกับสถานการณ์กดดัน
ข่าวกีฬา
ปใช้สร้างสนามฟุตบอลเป็นของตัวเอง ขณะที่
อีริคเซ่น ก็ใช้เวลาแค่ปีเดียวในการขึ้นสู่ทีม อาหยักซ์ ชุดใหญ่ ดีลนี้คือดีลที่มองไปทางไหนก็มีแต่วิน ๆ ทั้งนั้น
“ตอน คริสเตียน อายุ 17 ปี ผมตกใจมากเพราะเขาเก่งมากจนผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าส่งไอเด็กคนนี้ลงเล่นทีมชุดใหญ่จะเป็นยังไงบ้าง” มาร์ติน โยล กุนซือของทีม ณ เวลานั้นกล่าว
“ผมเรียกเขาเข้ามาคุยด้วย ผมคิดภาพไว้ในหัวว่าเขาต้องลิงโลด ผมเริ่มบอกเขาว่าเอาล่ะเกมต่อไปนายจะได้ลงสนามแน่
แต่ปฏิกิริยาตอบกลับของเขาต่างจากดาวรุ่งทั่วไป หน้าตาของเขาไร้อารมณ์ราวกับรู้อยู่เเล้วว่าโอกาสนี้จะมาถึง เขาฟังและมองมาที่ผมก่อนจะพูดว่า… โอเคครับ ผมจะเล่น แค่นั้นเลย” โยล กล่าว
โยล ไม่ได้พูดเล่น เขาส่ง อีริคเซ่น ลงเล่นจริง ๆ ในเกมลีกกับ เอ็นเอซี เบรด้า ในเกมนั้นเขาถูกส่งลงเป็นตัวสำรองแทนที่ของ
หลุยส์ ซัวเรซ ก่อนจะลงสนาม ซัวเรซ กอดและกระซิบอวยพรเขาที่ข้างหู อีริคเซ่นแค่พยักหน้าตอบรับจากนั้นก็ลงไปโชว์ผลงาน … หลังจากวันนั้น “ราชาแห่งเดนมาร์ก” คนใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้น
คำ ๆ นี้ถูกเรียกพร้อมกับชื่อของ อีริคเซ่น มานานแล้ว ตั้งแต่ในช่วงที่เขาเล่นให้ทีมเยาวชนยู 17 ของทีมชาติเดนมาร์ก
มีแต่คนชอบบอกว่าเขาเก่งเกินอายุไปหลายปี แต่ อีริคเซ่น มักจะทำหน้าตาซังกะตายเพราะเขารู้อยู่แล้วว่ามันเป็นแบบนั้น … เขาเก่งกว่าทุกคนที่เล่นด้วย
แต่การไม่ได้ยินดีไปกับคำชมนั้นไม่ได้เป็นไปในแง่ของความอวดดี อีริคเซ่น ชอบที่จะหาข้อวิจารณ์ตัวเองเสมอ และมักจะมีคำถามไปยังโค้ชของเขาว่าต้องทำแบบไหนเขาถึงจะเป็นนักเตะที่ดียิ่งขึ้น
“เวลาคุณชมนักเตะอย่าง อีริคเซ่น เขาจะมองตาคุณและบอกว่า ‘ใช่ครับโค้ชผมรู้เเล้ว’ (เวลาโดนชม) เขาแตกต่างจากคนอื่นตั้งแต่วันนั้นเเล้ว
ถ้าเป็นเด็กคนอื่นอาจจะเก็บคำชมนั้นไว้ คิดไปไกลถึงไหนต่อไหน แต่ อีริคเซ่น เป็นพวกที่ไม่เอาคำชมเข้าหัว คำชมไม่ได้ทำให้เขาตัวลอยขึ้นจากพื้นดิน แต่มันผลักเขาไปข้างหน้าต่างหาก” เกล็น ริดเดอร์สโฮล์ม อดีตโค้ชของ อีริคเซ่น กล่าว
ผู้เยือกเย็น
ช่วงเวลาก่อนที่ อีริคเซ่น จะมาเล่นให้กับ อาหยักซ์ เป็นช่วงเวลาที่ความสำเร็จของสโมสรช่างเหือดแห้ง พวกเขาไม่ได้คว้าแชมป์ลีกมานาน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องแปลกสำหรับทีมที่ดีที่สุดในประเทศตลอดกาล
จะบอกว่าช่วงเวลาแห่งความยิ่งใหญ่ของ อาหยักซ์ เกิดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับยุคสมัยของ อีริคเซ่น ก็คงไม่ผิดนัก ในปี 2010-11
หลุยส์ ซัวเรซ ย้ายออกไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล และนั่นทำให้ อีริคเซ่น เด่นชัดยิ่งกว่าเดิม
การล้มลงหมดสติของ คริสเตียน อีริคเซ่น ในเกมยูโร 2020 ที่ เดนมาร์ก ลงเเข่งขันกับ ฟินแลนด์ กลายเป็นชอตบีบหัวใจที่สุดไปโดยปริยาย ผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนบอลตัวยงหรือไม่ ก็คงส่งมอบกำลังใจไปให้เขาอย่างล้นหลาม
ในที่สุดหลังการปฐมพยาบาลนานหลายนาที อีริคเซ่น ก็ได้สติและถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอย่างเร่งด่วน เขาก้าวข้ามช่วงเวลาที่บีบหัวใจคนทั่วโลกไปได้ พร้อม ๆ กับรอยยิ้มของผู้ที่ติดตามข่าว
สำหรับแฟนฟุตบอลคงจะรู้จักเขาดี แต่หากคุณไม่ใช่… Main Stand ขอพาคุณผู้อ่านมาทำความรู้จักกับเขา “ราชาแห่งเดนมาร์ก” คนนี้ให้มากขึ้น
เด็กอัจฉริยะ
นานมาเเล้วที่วงการฟุตบอลเดนมาร์กไม่มีนักเตะที่โดดเด่นและฉายเเสงยิ่งกว่าใคร ๆ ให้เห็น พวกเขาเคยตื่นเต้นกับปรากฎการณ์ 2 พี่น้องเลาดรู๊ป และจากนั้น ก็ไม่มีนักเตะเกมรุกคนใดอีกเลยที่แสดงให้เห็นคลาสที่แตกต่าง จนกระทั่งมีเด็กคนหนึ่งเริ่มเล่นฟุตบอลในสโมสรท้องถิ่นในเมือง มิดเดลฟาร์ท นามว่า คริสเตียน อีริคเซ่น
เด็กชายคริสเตียน เกิดในครอบครัวนักฟุตบอล มีคุณพ่อเป็นอดีตนักเตะที่จับให้เขาเล่นฟุตบอลตั้งแต่ยังเด็ก และเมื่อเขาโตขึ้น เขาก็ฉายแววและเปล่งประกายยิ่งกว่าใคร สโมสรมิดเดลฟาร์ท ได้รับการติดต่อจากโอเดนเซ่ ทีมระดับอาชีพในประเทศ และหลังจากนั้น คริสเตียน อีริคเซ่น ก็ไม่เคยหยุดเดินหน้าอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เขาเล่นให้กับ โอเดนเซ่ ได้ไม่นาน ทีมที่ใหญ่กว่าจากต่างประเทศก็เข้ามาให้ความสนใจ เรอัล มาดริด, แมนฯ ยูไนเต็ด และ เอซี มิลาน ยื่นข้อเสนอให้เขาเข้ามาทดสอบฝีเท้า และเขาก็สอบผ่านฉลุย แต่ในขณะที่ทุกคนเชียร์ให้เขาเลือกก้าวสำคัญด้วยการย้ายไปทีมใหญ่ แต่ อีริคเซ่น ไม่คิดเช่นนั้น เมื่อเขาได้รับการติดต่อจาก อาหยักซ์ ทีมระดับเล็กกว่าสโมสรที่กล่าวมา แต่โดดเด่นเรื่องการให้โอกาสนักเตะเยาวชน เขาจึงค่อย ๆ คิดและตัดสินใจอย่างเยือกเย็นเกินอายุ สุดท้ายเขาเลือกจิ้ม อาหยักซ์ ด้วยเหตุผลว่า
“เพราะนี่คือก้าวแรก และก้าวแรกคือก้าวที่สำคัญ ผมไม่คิดว่ามันจะเหมาะกับการไปเล่นให้กับทีมที่ใหญ่เกินไป หัวใจผมบอกทันทีว่าผมต้องย้ายไปเนเธอร์แลนด์ มันเป็นที่ที่ดีสำหรับนักเตะอายุน้อยและต้องการพัฒนาแบบผม … เมื่อผมไปถึงที่นั่นผมรู้ได้ในทันทีว่าตัวเองคิดถูก นี่คือตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุดจริง ๆ” อีริคเซ่น กล่าว
เขาได้เป็นสมาชิกของ อาหยักซ์ ด้วยค่าตัว 1 ล้านปอนด์ การย้ายทีมครั้งนี้ทำให้ มิดเดลฟาร์ท ทีมระดับเยาวชนของเขาได้ส่วนแบ่งเป็นเงิน 35,000 ปอนด์ และพวกเขาเอาเงินก้อนนั้นไปใช้สร้างสนามฟุตบอลเป็นของตัวเอง ขณะที่ อีริคเซ่น ก็ใช้เวลาแค่ปีเดียวในการขึ้นสู่ทีม อาหยักซ์ ชุดใหญ่ ดีลนี้คือดีลที่มองไปทางไหนก็มีแต่วิน ๆ ทั้งนั้น
“ตอน คริสเตียน อายุ 17 ปี ผมตกใจมากเพราะเขาเก่งมากจนผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้าส่งไอเด็กคนนี้ลงเล่นทีมชุดใหญ่จะเป็นยังไงบ้าง” มาร์ติน โยล กุนซือของทีม ณ เวลานั้นกล่าว
“ผมเรียกเขาเข้ามาคุยด้วย ผมคิดภาพไว้ในหัวว่าเขาต้องลิงโลด ผมเริ่มบอกเขาว่าเอาล่ะเกมต่อไปนายจะได้ลงสนามแน่ แต่ปฏิกิริยาตอบกลับของเขาต่างจากดาวรุ่งทั่วไป หน้าตาของเขาไร้อารมณ์ราวกับรู้อยู่เเล้วว่าโอกาสนี้จะมาถึง เขาฟังและมองมาที่ผมก่อนจะพูดว่า… โอเคครับ ผมจะเล่น แค่นั้นเลย” โยล กล่าว
โยล ไม่ได้พูดเล่น เขาส่ง อีริคเซ่น ลงเล่นจริง ๆ ในเกมลีกกับ เอ็นเอซี เบรด้า ในเกมนั้นเขาถูกส่งลงเป็นตัวสำรองแทนที่ของ หลุยส์ ซัวเรซ ก่อนจะลงสนาม ซัวเรซ กอดและกระซิบอวยพรเขาที่ข้างหู อีริคเซ่นแค่พยักหน้าตอบรับจากนั้นก็ลงไปโชว์ผลงาน … หลังจากวันนั้น “ราชาแห่งเดนมาร์ก” คนใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้น
ขอบคุณข่าว : www.sanook.com
สนใจสมัคร ติดต่อ : www.wgbcreations.com